หนังสือที่เขียนขึ้นจากความรู้สึกท่วมท้น
หลายส่วนจากการลงลึกในตัวเองของผู้เขียนได้ส่งพลังผ่านตัวอักษรจนสัมผัสได้ในชั่วขณะที่อ่าน
และแน่นอน มันเป็นหนังสือที่เขย่ากรงของเราให้สะเทือนทีละน้อย ให้เรารู้สึกตัวสักหน่อย
ว่ามีอะไรครอบเราไว้ที่ตรงนี้
✒️ เกี่ยวกับผู้เขียน ✒️ เกลนน็อน ดอยล์ (Glennon Doyle) ผู้เขียนหนังสือ Love Warrior หนังสือขายดีอันดับ 1 ของนิวยอร์กไทมส์ นักเคลื่อนไหว นักพูด และผู้นำทางความคิด เป็นผู้ก่อตั้ง Together Rising องค์กรไม่แสวงหาผลกำไรที่มีผู้นำเป็นผู้หญิงทั้งหมด มุ่งจัดกิจกรรมเพื่อสวัสดิภาพของมนุษย์ระดับรากหญ้า เธอได้รับการเสนอชื่อให้อยู่ใน Super Soul 100 โดยโอปราห์ วินฟรีย์ เน็ตเวิร์ค (OWN Network) ปัจจุบันอาศัยอยู่ในรัฐฟลอริดากับภรรยาและลูก 3 คน
🎯 SUMMARY VIEW 🎯 : หนังสือที่ว่าด้วยเรื่องราวประสบการณ์ชีวิตในช่วงเวลาแห่งการเปลี่ยนผ่านของผู้หญิงคนหนึ่ง จากคนที่เคยตกลงไปในหล่มแห่งความเจ็บปวดครั้งแล้วครั้งเล่าด้วยเพราะติดอยู่ในกรงขังแห่งขนบและความเชื่อต่าง ๆ กระทั่งเธอสามารถกลับมามีพลังอีกครั้งเมื่อเธอย้อนกลับมายังการตระหนักรู้ในตัวตนของเธอเอง : วิธีการเล่าของเธอเต็มไปด้วยพลังและช่วยกระตุ้นแรงบันดาลใจได้ดีเป็นอย่างยิ่ง จากเด็กผู้หญิงที่เติบโตมาตามทัศนคติที่โลกผลักคุณค่าของความเป็นหญิงไปในรูปแบบที่บีบให้เธอรู้สึกว่าต้องตีกรอบตัวเองไว้ การแตกสลายของของนิยามคำว่าครอบครัวสำหรับคนส่วนมาก ทว่าการพังทลายเหล่านั้นกลับสร้างเธอขึ้นมาเป็นอีกคนที่สมบูรณ์ยิ่งกว่าเดิม ส่องประกายกว่าเดิม และทรงพลังมากกว่าเดิมเมื่อเธอโอบรับทุกสิ่งที่เธอรู้สึก : เนื้อหาแบ่งออกเป็น 3 ส่วนใหญ่ ๆ ได้แก่ ส่วนที่หนึ่ง ในกรงขัง – เป็นพาร์ทที่จะเล่าถึงชีวิตของการติดอยู่ในกรอบและความเชื่อที่เธอไม่ได้เชื่อ (หรืออาจยังไม่รู้ตัวว่าไม่ได้เชื่อ) และผลลัพธ์ที่เกิดจากการละทิ้งเสียงของตนไว้ข้างหลัง ส่วนที่สอง กุญแจ – เล่าถึงกระบวนการที่เธอค่อย ๆ จมลงสู่ตัวตนที่แท้จริงของตนเองอีกครั้งเพื่อผุดขึ้นสู่โลกใหม่ใบเดิมและค้นพบความหมายของชีวิตที่มีเพียงครั้งเดียวครั้งนี้ ส่วนที่สาม เป็นอิสระ – ส่วนที่บรรยายถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อเธอตัดสินใจใช้ชีวิตในแบบของตนเองและการค้นพบที่จะไม่มีวันเกิดขึ้นหากเธอยังยอมให้ตัวเองหมอบอยู่ในกรงขังจากการใช้ชีวิตในแบบที่ถูกต้อง : เหมาะสำหรับทุกคนที่ต้องการหนังสือสักเล่มที่จะช่วยกระตุ้นแรงบันดาลใจในการใช้ชีวิตและออกจากข้อจำกัดต่าง ๆ ที่บางครั้งเราก็ไม่รู้ว่าควรต้องเริ่มต้นด้วยวิธีไหน ประสบการณ์ของเธอเหมือนขุมพลังที่แผ่คลื่นความเข้มแข็งออกมายามพลิกอ่านไปแต่ละย่อหน้า : และด้วยบทบาททั้งการเป็นผู้หญิงที่เคยหลงลืมตัวเอง การตัดสินใจเข้าสู่การบำบัดเพื่อเลิกเหล้าเมื่อรู้ตัวว่าตั้งครรภ์ การเป็นแม่ของลูก ๆ ทั้งสามที่ต้องบอกพวกเขาว่าครอบครัวจะไม่เป็นแบบเดิมอีกต่อไป การแต่งงานครั้งใหม่ในฐานะภรรยาของภรรยา บทบาทคริสต์ศาสนิกชน สตรีนิยม และผู้นำการเคลื่อนไหวขององค์กรไม่แสวงหากำไร ทุกสิ่งที่กล่าวมาล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องยาก แต่หนังสือของเธอจะส่งพลังความเชื่อออกมาให้ผู้อ่านรับรู้ได้ว่า ‘เราทำเรื่องที่ยากได้’ : เป็นเล่มที่อ่านแล้วเราแปะโพสอิทข้อความที่ชอบไว้เยอะมาก นอกจากการเติมไฟให้ใช้ชีวิตในแบบที่ตัวเองเลือกและบทบาทการเป็นกระบอกเสียงทางสังคมแล้ว อีกส่วนที่เราชอบคือวิธีการสอนลูกชายและลูกสาวของเธอ โดยรวมคือน่าประทับใจและมีหลายข้อคิดที่น่าเก็บมาขบคิดต่อ
บางครั้งเราคิดว่ามันง่ายกว่าหากใช้ชีวิตไปในแบบที่ที่ทางบนโลกนี้กำหนดเอาไว้ให้ ไม่ว่าจะเป็นกรอบความคิด วิธีปฏิบัติ หรือทัศนคติที่สังคมแวดล้อมตีกรอบเอาไว้และเราก็ทำเพียงแค่ยัดตัวเองเข้าไปเพื่อให้ได้เป็นที่ยอมรับและถูกมองเห็น มันคงง่ายกว่าที่จะมาคิดให้ลึกซึ้งว่าความต้องการแท้จริงของเราคืออะไรกันแน่ เราเป็นใคร และเรามีชีวิตอยู่เพื่อสิ่งใด เพราะเราไม่รู้ว่าทางเลือกที่เราคิดเอาไว้จะถูกยอมรับได้หรือเปล่า…เราจึงยอมทรมานตัวเองเงียบ ๆ อยู่ในกรง
แล้วสุดท้ายเราก็พบว่าชีวิตแม่งยาก!
เกลนน็อน ดอยล์ ผู้ถ่ายทอดเรื่องราวชีวิตของตัวเองในระดับลึกถึงแง่มุมทางจิตวิญญาณ เธอมีชีวิตที่ใกล้เคียงกับความสมบูรณ์พร้อมที่สุดที่ใครบางคนอาจฝันถึง และท่ามกลางการฟันฝ่าที่ใครต่อใครชื่นชมความสำเร็จ ณ ปลายทางของเธอนั้น ตัวตนภายในของเธอบิดเบี้ยว
แล้ววันหนึ่งที่เหตุการณ์ของความสมบูรณ์แบบที่เธอเคยเชื่อมั่นกลับกลายเป็นทำนบที่พังทลายลงในพริบตา มันถูกกระเทาะออกจนเหลือเพียงเมล็ดภายในที่อ่อนนุ่ม แต่ก็คล้ายว่ามันช่วยนำพาให้เธอกลับไปค้นเจอบางสิ่งบางอย่างข้างในตัวเอง ผ่านความพยายามในการสร้างชีวิตในรูปแบบที่ตัวตนของเธอเท่านั้นที่บอกได้ เธอเริ่มต้นฟังเสียงเรียกร้องจากร่างกาย จากหัวใจ และเชื่อในการตื่นรู้
การตื่นรู้ของเธอคือการตระหนักถึงซี่กรงที่ครอบขังเธอไว้ในแต่ละส่วน แต่ละความรู้สึกในชีวิต เธอใช้กุญแจ 4 ดอกในการปลดปล่อยตัวเองให้เป็นอิสระ ไขสู่ความลับทีละกระบวนการอย่างอดทน ตั้งแต่กระบวนการยินยอมให้ตัวเองรู้สึก – กระทั่งตระหนักรู้ – นำไปสู่จินตนาการในความเป็นไปได้ – ไปจนถึงการก่อร่างสร้างขึ้นมาใหม่ ซึ่งอาจหมายถึงการปล่อยให้สิ่งเก่าเหล่านั้นมอดไหม้ลงไป และเธอก็ยินยอมพร้อมใจที่จะตอบรับการแตกสลายนั้น
การเผาไหม้บางสิ่งบางอย่าง สร้างแสงสว่างขึ้นมาเสมอ
ช่วงเวลานั้นเอง ที่ตัวเธอกลับมาเปล่งแสงสว่างไสว
เราเปิดอ่านแล้วประทับใจตั้งแต่บทนำเริ่มต้น และยิ่งพลิกไปแต่ละหน้าก็ยิ่งรู้สึกทึ่งกับเรื่องราวชีวิตในฐานะผู้หญิงคนหนึ่ง บอกตามตรงว่ามันค่อนข้างปลุกใจและสร้างพลังความต้องการตื่นรู้ภายในของตัวเองอย่างมาก เหนือสิ่งอื่นใด เราสัมผัสได้ถึง “ความเป็นมนุษย์” ของเธอ ราวกับว่าทุกเรื่องราวที่เธอรู้สึก ผ่านพ้น และถ่ายทอดออกมาคือรากฐานของความเป็นมนุษย์คนหนึ่งที่พึงรู้สึก
เพราะเธอรู้สึกทุกสิ่งทุกอย่าง
เราชื่นชอบเนื้อหาของการบ่มเพาะมนุษย์คนใหม่ให้ใช้ชีวิตบนโลกใบนี้ นั่นคือลูก ๆ ของเธอ เธอมีวิธีการสอนทั้งลูกชายและลูกสาวที่น่าสนใจมาก เราคิดว่าส่วนนี้คนเป็นพ่อแม่ใช้เป็นแนวทางศึกษาได้
เราชอบความรักที่ไม่ได้จำกัดอยู่ในรูปทรงภาชนะที่โลกปั้นขึ้นมาและตีตรามันไว้ เราคิดว่าส่วนนี้คนที่ยังสับสนในตัวเองสามารถนำมาใช้เป็นคู่มือขุดลึกความรู้สึกของตัวเองได้
เราชอบการอธิบายถึงการต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงตัวตนด้วยอารมณ์ที่หลายคนอาจจะพยายามหลีกหนีไปให้ไกล แต่เธอบอกเราว่าอะไรที่จะมีโอกาสทำร้ายทำลาย สิ่งนั้นจะมอบตัวตนบางอย่างให้เราเสมอ จงมองสิ่งนั้นเสมือนกริ่งบ้าน เชื้อเชิญให้เราเปิดประตูเพื่อดูว่าใครมาที่นั่น เพราะมันอาจจะเป็นห่อของบางอย่างที่บรรจุคำตอบของการตื่นรู้ภายในตัวเองเอาไว้
นี่คือหนังสือคู่มือการใช้ชีวิตอย่างมนุษย์อันจริงแท้
เมื่อใดก็ตามที่เรารู้สึกอึดอัดอยู่ภายใน หรือรู้สึกว่าตัวตนถูกกดดันจากอะไรสักอย่างที่มองไม่เห็น เราเชื่อว่าการอ่านเรื่องราวของเธออาจมีคำตอบให้ หรือไม่ อย่างน้อย เราก็จะร่วมรับรู้ว่าความเจ็บปวดต่าง ๆ ของเราคือความหมายของการใช้ชีวิตอย่างถูกต้อง
แต่เชื่อเถอะว่าบางครั้งความถูกต้องนี่แหละ … คือกรงเหล็กชั้นดี
🛒 ซื้อหนังสือออนไลน์
“อย่ายอม (UNTAMED)”
ผู้เขียน : เกลนน็อน ดอยล์
(K.D. แปล)
จำนวนหน้า : 326 หน้า / ราคาปก : 345 บาท
สำนักพิมพ์ : อมรินทร์ฮาวทู
หมวด : จิตวิทยาพัฒนาตนเอง