“ความมั่นคงที่แท้จริงอย่างเดียวในชีวิต
คือการหาความสุขจากความรู้สึกไม่มั่นคงของชีวิต”
( – จากหนังสือหน้า 167 )
✒️ เกี่ยวกับผู้เขียน
M. Scott Peck, M.D. (นายแพทย์ เอ็ม. สก็อตต์ เปค) จิตแพทย์และนักเขียนชาวอเมริกัน จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดและ Case Western Reserve เคยทำงานด้านบริหารในหน่วยงานรัฐบาลและเป็นจิตแพทย์คลินิกเอกชน และยังเป็นผู้ก่อตั้งมูลนิธิเพื่อการสนับสนุนชุมชน (Foundation for Community Encouragement) องค์กรไม่แสวงหาผลกำไร ซึ่งก่อตั้งร่วมกันกับภรรยาในปี 1984
🎯 มุมมองสรุป
: บทเรียนชีวิตที่จิตแพทย์อยากบอกเล่มนี้ได้รวบรวมมุมมองของผู้เขียนโดยนำเสนอผ่านกรณีศึกษาจากบรรดาผู้เข้ารับการบำบัดกับเขา แม้จะเป็นหนังสือที่ถูกเขียนมานานกว่า 50 ปีแล้วแต่เราก็พบว่าบางส่วนของเนื้อหาเป็นประโยชน์และให้แง่คิดที่ลึกซึ้งต่อการเจริญเติบโตทางจิตวิญญาณโดยเฉพาะการอธิบายแนวคิดเกี่ยวกับความรัก : เนื้อหาภายในเล่มแบ่งออกเป็นทั้งหมด 4 ภาคด้วยกัน ได้แก่ ภาคหนึ่ง - วินัย (DISCIPLINE) ภาคสอง - ความรัก (LOVE) ภาคสาม - ความเจริญงอกงามและศาสนา (GROWTH AND RELIGION) ภาคสี่ - พลังศักดิ์สิทธิ์ (GRACE) : เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการแง่มุมทางความคิดเกี่ยวกับการดำเนินชีวิตเพื่อนำมาปรับใช้กับตนเอง โดยเฉพาะชีวิตครอบครัวและการเลี้ยงดูบุตรหลาน เรารู้สึกว่าภายในเล่มมีรายละเอียดส่วนนี้กระจายอยู่ทั่ว ๆ อาจเป็นเพราะผู้เขียนค่อนข้างให้ความสำคัญกับกระบวนการเติบโตในช่วงแรกเกิดจนถึงวัยเด็กเนื่องด้วยมันสะท้อนภาพความป่วยไข้ทางใจในช่วงวัยผู้ใหญ่อยู่ไม่น้อย : ความเห็นส่วนตัวของเรา ส่วนที่ชอบที่สุดของหนังสือเป็นมุมมองที่มีต่อรูปแบบความรักตามสภาพความเป็นจริงและมุ่งเน้นการส่งเสริมความเจริญงอกงามภายในจิตใจ แม้จะมีบางเรื่องที่หนังสือจิตวิทยาปัจจุบันสามารถอธิบายหรือให้มุมมองที่สดใหม่กว่าและน่าสนใจกว่า แต่เนื้อหาที่จุดประเด็นและชวนตั้งคำถามของผู้เขียนก็ทำให้เราได้ออกเดินทางไปกับความคิดของตัวเองระหว่างอ่านได้เป็นอย่างดี
หากเปรียบชีวิตคือการเดินทาง เราทุกคนล้วนเป็นมือใหม่ในเส้นทางชีวิตของตนเองด้วยกันทั้งสิ้น เราไม่มีทางรู้ว่าย่างก้าวถัดไปจะเกิดอะไรขึ้น อย่างดีที่สุดก็คือการทำปัจจุบันที่อำนาจการตัดสินใจยังอยู่ในมือของตัวเราเองให้ดี หรืออาจจะใช้คู่มือลัดที่มีผู้ซึ่งเคยผ่านพ้นบางช่วงเวลาหรือบางสถานการณ์ที่คล้ายคลึงกันมาเทียบเคียงกระบวนทางเลือก และโดยปราศจากการการันตีผลลัพธ์ที่ดีที่สุด เราจึงชื่นชอบการศึกษามุมมองที่หลากหลายเพื่อทำความเข้าใจว่ามันสามารถเป็นแบบใดได้บ้าง
คำบอกเล่าจากจิตแพทย์ที่สะท้อนภาพการบาดเจ็บจากบาดแผลในวัยเยาว์รวมถึงเรื่องราวของผู้เข้ารับการบำบัดล้วนเต็มไปด้วยแง่มุมที่น่าสนใจ มีบางประเด็นที่เรารู้สึกถึงความร่วมสมัยนั่นคือการเรียนรู้วิธีที่จะรักในแบบที่ต่างฝ่ายต่างจะส่งเสริมความดีงามตามอัตลักษณ์ของแต่ละคน
วินัยของการแก้ปัญหาในชีวิต คือติดอยู่กับมันให้นานพอ
ความจริงแท้ที่สุดของชีวิตข้อหนึ่งนั่นคือไม่มีชีวิตใดไร้ความทุกข์ เราทุกคนล้วนต้องพบเจอกับปัญหา มากบ้างน้อยบ้างแตกต่างกันไป ต่อให้เราเบื่อหน่ายมากแค่ไหนแต่สุดท้ายก็ไม่มีทางหนีพ้น ในการรับมือกับความจริงของชีวิตข้อนี้บางครั้งคุณไม่จำเป็นจะต้องฉลาดที่สุดหรือเข้มแข็งที่สุดเพื่อหาทางออก แต่จงใช้เวลากับมันให้มาก อยู่กับปัญหาให้นานพอ – พอที่จะเรียนรู้ถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเพื่อก้าวข้ามผ่านมันให้ได้ หรืออย่างน้อยการติดอยู่กับมันจนความหวาดกลัวกระวนกระวายที่ปรากฏให้เห็นตอนแรกนั้นสงบลง มันอาจจะเผยให้เห็นแนวทางแก้ไขโผล่เป็นช่องเล็ก ๆ พอที่จะเบียดตัวแทรกและหลุดพ้นมันไปสู่ทางเดินด่านถัดไปที่รออยู่ข้างหน้า
แผนที่ชีวิตที่ดี คือแผนที่ที่ถูกปรับปรุงอยู่เสมอ
ดังที่กล่าวไปข้างต้นว่าเราทุกคนล้วนเป็นมือใหม่ในเส้นทางเดินชีวิตของตัวเอง แผนที่จึงเปรียบเสมือนอุปกรณ์สำคัญชิ้นหนึ่งที่จะทำให้การเดินทางของเราไม่หลงทิศ และไม่มีใครใช้แผนที่ชีวิตใครได้ เราทุกคนจำเป็นต้องสร้างมันขึ้นมาจากความคิด ความเชื่อ และเป้าหมายของตนเอง อย่างไรก็ตาม ตลอดชีวิตที่ไม่สั้นไม่ยาวของมนุษย์ไม่อาจใช้แผนที่ชีวิตเพียงฉบับเดียวนับแต่เกิดจนตาย มันจำเป็นจะต้องถูกปรับปรุงแก้ไขไม่ส่วนใดก็ส่วนหนึ่งอยู่เสมอ เพราะโลกของเราเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา และเพื่อให้เกิดความแม่นยำว่าทิศทางที่เรายึดไว้มันยังคงนำไปสู่เป้าหมายเดียวกับที่เราเคยหวัง ซึ่งวิธีที่เราจะนำมาใช้ปรับปรุงมัน นั่นก็คือการเปิดรับความรู้ ความเชื่อ ตลอดจนแนวคิดใหม่ ๆ รวมถึงความท้าทายจากคนทำแผนที่คนอื่น ๆ ด้วย
นิยามความรักที่นำไปสู่การเจริญเติบโตและงอกงาม
ผู้เขียนได้ให้นิยามความรักในแง่จุดมุ่งหมายที่ว่าเป็นความตั้งใจที่จะขยายตัวตนออกไปเพื่อดูแลความเจริญงอกงามทางจิตใจของตนเองหรือของผู้อื่น ในที่นี้จึงแสดงให้เห็นถึงรูปแบบความรักที่ตรงข้ามกับสภาวะการพึ่งพิงหรือยึดเหนี่ยวเพื่อความปลอดภัยทางความรู้สึกของตนเอง และไม่ใช่ความรักโรแมนติกที่คนสองคนจะต้องมองเห็นหรือเข้าใจทุกอย่างไปในทางเดียวกันตลอดเวลา หากแต่เป็นความรักที่เข้าใจในปัจเจกของแต่ละฝ่าย ทั้งตนเองและคนอื่น ทำให้กระบวนการรักที่เกิดขึ้นค่อย ๆ เติบโตไปพร้อม ๆ กับขอบเขตตัวตนที่เจริญงอกงาม เป็นความรักที่มีความปรารถนาที่จะให้เขาพัฒนาเจตจำนงที่เป็นของตัวเขาเอง ในขณะที่ตัวเราก็ฟื้นฟูวิถีการเติบโตในแบบของตัวเองเช่นกัน
ตั้งคำถามในสิ่งที่เคยยึดถือเพื่อโลกทัศน์ที่ดีขึ้นกว่าเดิม
เมื่อแผนที่ชีวิตเป็นเรื่องของการสร้างขึ้นด้วยตนเองแล้ว ศาสนาเองก็เช่นเดียวกัน ผู้เขียนสนับสนุนให้ทดลองท้าทายการยึดถือที่มีมาแต่เดิมด้วยการตั้งคำถามและเริ่มต้นอย่างเป็นวิทยาศาสตร์ แทนที่จะเชื่อความถูกต้องชอบธรรมซึ่งเป็นประสบการณ์ที่ถูกสั่งสมมาจากคนรุ่นเก่าก่อน เราควรตรวจสอบและพิสูจน์ความเชื่อเหล่านั้นเพื่อสร้างโลกทัศน์ที่เป็นของตัวเราเองอย่างแท้จริง เราชื่นชอบการยกตัวอย่างกรณีศึกษาที่ผู้เขียนหยิบมานำเสนอในส่วนของภาคศาสนาที่กล่าวถึงทั้งผู้ที่เคยเชื่อแล้วเลิกเชื่อ ผู้ที่ไม่เคยนับถือแล้วนับถือ ซึ่งแต่ละบริบทล้วนเป็นสิ่งที่เข้าใจได้ และในท้ายที่สุดแล้วแม้ว่าการพัฒนาความเจริญงอกงามทางจิตใจจะอาศัยศาสนาหรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์หรือไม่ ก็มีแต่ตัวเราที่เป็นผู้ตัดสินใจเลือกทางเดินของตน
บทเรียนชีวิต…แด่ผู้คนที่กำลังสับสนกับชีวิต
แม้จะเป็นหนังสือที่ถูกเขียนและมีกรณีศึกษาตัวอย่างจากผู้เข้ารับการบำบัดตั้งแต่ราว ๆ 50 ปีก่อนทว่าเนื้อหาบางส่วนที่เรากล่าวถึงไว้ข้างต้นล้วนเป็นเรื่องที่น่าสนใจเก็บมาใคร่ครวญคิด และยังมีเรื่องเกี่ยวกับมุมมองการพัฒนาความเจริญงอกงามทางจิตใจเพื่อเป็นส่วนหนึ่งของพัฒนาการสำคัญให้แก่ลูก จากหนังสือเล่มนี้เรารู้สึกว่าผู้เขียนค่อนข้างให้ความสำคัญกับพัฒนาการเด็กแรกเกิดและกระบวนการเติบโตของเด็ก ๆ อย่างมาก อาจเนื่องด้วยความเจ็บป่วยทางจิตใจของผู้ใหญ่จำนวนไม่น้อยมีภาพสะท้อนของความล้มเหลวจากการถูกเลี้ยงดูอย่างไม่เหมาะสมไปจนกระทั่งถูกปล่อยปละละเลย นอกจากนี้ยังมีการเสนอมุมมองของความรักที่จะนำไปสู่การสานสัมพันธ์แบบ Healthy Relationship อีกด้วย
แน่นอนว่าความสนุกระหว่างอ่านอย่างหนึ่งนั่นคือการไม่ทิ้งความท้าทายหรือตั้งคำถามถึงแนวคิดของผู้เขียนและบทเรียนที่ให้ไว้ เพื่อเป็นการตรวจสอบทบทวนความเชื่อแต่ละเรื่องราวที่ถูกบอกเล่า ทั้งกระบวนการเติบโต ความสัมพันธ์ ศาสนาความเชื่อ หรือแม้แต่พลังที่อยู่นอกเหนือการให้คำอธิบายได้
เพราะทุกสิ่งเหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นบทเรียนสำคัญที่ส่งแรงกระเพื่อมสม่ำเสมอ – เกินกว่าครึ่งค่อนชีวิตของมนุษย์
🛒 ซื้อหนังสือออนไลน์
“บทเรียนชีวิตที่จิตแพทย์อยากบอก (The Road Less Traveled)”
ผู้เขียน : M. Scott Peck, M.D.
(วิทยากร เชียงกูล แปล)
จำนวนหน้า : 351 หน้า / ราคาปก : 330 บาท
สำนักพิมพ์ : OMG BOOKS
หมวด : จิตวิทยาพัฒนาตนเอง