บางครั้งเราไม่ต้องทำสิ่งสมบูรณ์แบบ
เพียงแค่ ทำ และ เป็น
( – จากหนังสือหน้า 147 )
✒️ เกี่ยวกับผู้เขียน
นิ้วกลม (สราวุธ เฮ้งสวัสดิ์)
จบสถาปัตยกรรมศาสตรบัณฑิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
เคยมีผลงานสร้างสรรค์ทั้งด้านโฆษณา คอลัมน์นิตยสาร และพิธีกรรายการโทรทัศน์
เช่น รายการพื้นที่ชีวิต วัฒนธรรมชุบแป้งทอด
เจ้าของสำนักพิมพ์ KOOB ซึ่งร่วมก่อตั้งกับภรรยา (ชิงชิง สาธิดา เฮ้งสวัสดิ์)
ปัจจุบันมีผลงานหนังสือ บล็อกงานเขียน รวมถึงรายการพอดแคสท์มากมาย
ติดตามได้ผ่านช่องทาง Facebook และ Youtube
🎯 มุมมองสรุป
: สำหรับเราแล้ว เล่มนี้ก็ยังคงมีความละมุนกลมกล่อมและฮีลใจในวันที่เหนื่อยล้าได้เป็นอย่างดี หากแรงกดดันถึงความใฝ่ฝันสู่ชีวิตที่ดีกำลังทำให้คุณปวดร้าว เราคิดว่าหนังสือเล่มนี้อาจช่วยประคับประคองคุณได้
: สิ่งที่ถูกนำเสนอเป็นแกนของเนื้อหาคือแนวคิดความเชื่อซึ่งได้รับการถ่ายทอดมาอย่างช้านาน จากรุ่นสู่รุ่น จากคำบอกกล่าวสู่จารึกหลักฐาน เราเชื่อว่าหลายคนต้องเคยรู้จักอย่างน้อยสักหนึ่งอย่างจากทั้งหมดที่นำมาถ่ายทอด
: การเพิ่มมุมมองความเข้าใจของผู้เขียนประกอบกับบทสัมภาษณ์ผู้คนที่อยู่ในสภาพแวดล้อมและใกล้ชิดกับปรัชญาเหล่านี้ เปรียบเสมือนแว่นขยายที่ช่วยให้เรารับรู้ถึงเนื้อหนังของมันได้ลึกลงไปกว่าที่เคยได้ยินได้ฟังมา อีกทั้งยังฉายให้เห็นจุดร่วมต่างๆ ของความเป็นมนุษย์ เรารู้สึกสอดคล้อง เชื่อมโยง ในขณะเดียวกันก็มองเห็นสิ่งที่ต่างออกไปในคราวเดียวกัน
: เนื้อหาแบ่งออกเป็น 9 บทใหญ่ตามการหยิบยกปรัชญามาพูดถึง ซึ่งได้แก่ TAOISM : Ancient China / STOICISM : Ancient Greek / IKIGAI : Japan / WABI-SABI : Japan / NIKSEN : The Netherlands / HYGGE : Denmark / SISU : Finland / DÖSTÄDNING : Sweden และบทสรุปส่งท้าย A Good Life
: ส่วนที่ชอบนอกจากความรู้สึกอบอุ่นที่ได้รับ มันคือการได้ตระหนักถึงความจริงและบริบททางสังคมที่เราประสบอยู่จริงๆ ที่ชวนย้อนกลับมาตั้งคำถามถึงการมีชีวิตที่ดีที่ว่านี้ ซึ่งนับว่าเป็นเสน่ห์ของงานเขียนที่สะท้อนให้เห็นถึงช่วงเวลาในยุคสมัยหนึ่งว่าเป็นอย่างไร และแน่นอนว่าตามคำโปรยของปกหลัง นี่ไม่ใช่หนังสือที่ประกาศสัจธรรมคำตอบ แต่เป็นหนังสือที่จะชวนตั้งคำถามและมาร่วมค้นหาว่าเราจะมีชีวิตที่ดีกันได้อย่างไร
ใครบ้างไม่อยากมีชีวิตที่ดี…
ทว่าชีวิตที่ดีในนิยามของแต่ละคนก็ย่อมมีรูปแบบที่ต่างกันออกไป บ้างอาจให้คุณค่ากับความเป็นอยู่ที่สะดวกสบาย บ้างอาจมองความสุขสงบผ่อนคลายคือชีวิตดีๆ ที่ใฝ่ฝัน เราจึงไม่อาจมีข้อสรุปได้เลยว่าแบบไหนที่จะเรียกได้ว่าดีกันแน่ หรืออันที่จริงแล้ว หากเกิดปรากฏการณ์ที่มีรูปแบบใดรูปแบบหนึ่งเท่านั้นจึงจะเรียกได้ว่าเป็นชีวิตที่ดี มันอาจกลายเป็นปัญหามากกว่า ด้วยเหตุนี้การออกเดินทางไปสำรวจหน้าตาชีวิตที่ดีจากผู้คนที่หลากหลายจึงเป็นสิ่งที่ดึงดูดความสนใจเราตั้งแต่แรกเริ่ม
อยู่อย่างเต๋าๆ เราคงจะได้รู้…
การเริ่มต้นด้วยปรัชญา ‘เต๋า’ ในหนังสือสำหรับเราเป็นหมุดหมายที่ชวนให้ใจวางและบางเบาได้ดีอย่างประหลาด แนวคิดของปรัชญาเต๋าคือการปล่อยทุกอย่างเป็นไปในแบบที่มันจะเป็น เมื่อรู้สึกถึงการเป็นส่วนหนึ่งของทุกสิ่งและไร้เส้นแดนความเป็นปัจเจก ยอมรับในเรื่องสามัญและวางสิ่งที่เคยยึดติดเอาไว้ เราจะเข้าใจว่ามันก็เป็นของมันเช่นนั้น เราก็เป็นของเราเช่นนี้ เมื่อบรรทัดที่ใช้วัดหรือตัวเทียบเคียงต่าง ๆ หมดหน้าที่ลงไป สิ่งที่ปรากฏในมุมมองของเราก็จะเป็นเพียงคำอธิบาย ไม่ใช่คำตัดสิน
จะไม่มีสิ่งใดหายออกไปจากชีวิต หากคุณเชื่อใน STOICISM
หนึ่งในปรัชญาที่จะดึงให้เราอยู่กับโลกแห่งความจริงมากที่สุด คงหนีไม่พ้นสโตอิก นั่นเพราะมันช่วยมอบมุมมองการตอบสนองต่อเรื่องเลวร้ายที่เกิดขึ้นในชีวิตได้อย่างแจ่มแจ้ง ประโยคที่เราชอบมากจากพาร์ทนี้คือ ‘…การมองโลกแบบสโตอิกมองว่าเวลาทำสิ่งใดสูญหาย ที่จริงคุณไม่ได้ทำหาย คุณแค่คืนมันไป ให้รู้สึกขอบคุณช่วงเวลาที่ได้หยิบยืมมา…’ และชีวิตมักเต็มไปด้วยเรื่องไม่คาดฝัน ความผิดพลาดของใครคนหนึ่งอาจเป็นบทเรียนแทนที่จะเป็นบาดแผล มันขึ้นอยู่กับว่าเราอยากกลายไปเป็นคนไหน?
และแน่นอนว่าไม่มีแบบใดที่ถูก ผิด ดี หรือร้าย ในช่วงเวลาหนึ่งเราอาจยังไม่พร้อมกลายไปเป็นแบบใดเลยก็ได้ คุณก็แค่ยอมรับช่วงเวลานั้นเข้าไปด้วย
แดนอาทิตย์อุทัย ดินแดนแห่งความไฉไลจากการดื่มด่ำ
อิคิไก และ วะบิ-ซะบิ ปรัชญาญี่ปุ่นที่นำมากล่าวถึงภายในเล่มนั้นแพร่หลายอย่างยิ่งในบ้านเรา มีหนังสือไม่น้อยกว่า 5 ปกเกี่ยวกับเรื่องราวดังกล่าวที่ถูกหยิบมาแปลให้เราได้เรียนรู้ ภายใต้แก่นเดียวกันแต่สร้างแง่มุมหลากหลายจากการตีความ บ้างว่าเป็นเหตุผลของการมีชีวิต บ้างว่าเป็นการชื่นชมแม้แต่ความไม่สมบูรณ์พร้อม จึงไม่มีอะไรเหมาะไปกว่าการถูกนำมาถ่ายทอดให้เป็นส่วนหนึ่งของ How To Live A Good Life อีกแล้ว
สำหรับเราปรัชญาญี่ปุ่นทั้งสองอย่างนี้สะท้อนภาพความรู้สึกดื่มด่ำกับทุกสิ่งที่เกิด–กับทุกย่างก้าวในชีวิต–กับทุกร่องรอยแหว่งวิ่นแตกสลาย และมุมมองจากผู้เขียนที่ส่องขยายราวกับล่วงรู้ว่าแห่งหนไหนในชีวิตของผู้อ่านที่อาจมีรอยร้าวนั้นก็ช่วยเยียวยาและนำพาให้เราใคร่ครวญถึงมันซ้ำไปซ้ำมา
เหตุใดแถบสแกนดิเนเวียจึงมักเป็นเมืองที่ผู้คนมีความสุขอยู่ในลำดับต้นๆ ของโลก
เกี่ยวกับแง่มุมปรัชญาทางฝั่งประเทศเนเธอร์แลนด์ เดนมาร์ก ฟินแลนด์ และสวีเดน หากให้สรุปด้วยประโยคสั้นๆ ในความคิดเราถึงเหตุผลของความสุขในชีวิต คงออกมาเป็นว่า “ผ่อนคลาย วางใจ และรู้ว่าทำอะไรแล้วดี” ซึ่งการที่ผู้คนจะใช้ชีวิตอยู่ได้ด้วยทัศนคติเช่นนี้ย่อมมีส่วนมาจากสภาพแวดล้อมและสังคมอยู่ไม่มากก็น้อย คุณจะสัมผัสได้จากการอ่านบทสัมภาษณ์ชาวสแกนดิเนเวียนผู้คร่ำหวอดในวงการความสุข หรือกระทั่งผู้ที่ถูกหลอมรวมแนวคิดเหล่านี้อยู่ภายในตัวเอง พวกเขาดูกลืนกลาย เข้าอกเข้าใจ และเชื่อมั่นในการดำรงอยู่ของชีวิต
ชีวิตดีๆ อยู่ที่ไหน
เมื่อได้สำรวจปรัชญาจากมุมต่างๆ ของโลก จุดร่วมสำคัญที่มองเห็นได้คือความเชื่อเรื่องการเป็นส่วนหนึ่งของบางสิ่งที่ใหญ่โตกว่า กว้างกว่า และจริงแท้กว่า โดยทิ้งตัวเองออกจากการเป็นจุดศูนย์กลาง มุมมองที่ถูกถ่ายทอดภายในเล่มไม่เพียงแต่สะท้อนภาพความเป็นไปของแนวทางปรัชญาต่างๆ เท่านั้น แต่การตกผลึกผ่านถ้อยความยังนำพาให้เรากลับมาคิดทบทวนว่าเหตุใดการแสวงหาชีวิตที่ดีจึงกลายมาเป็นจุดหมายแทนที่เราจะใช้ชีวิตไปกับการแสวงหาตัวเองเพื่อเรียนรู้และเติบโต เมื่อได้อ่านจึงค้นพบ ชีวิตที่ดีเกิดขึ้นได้ตั้งแต่ตอนนี้ และการมีชีวิตที่ดีก็อาจเป็นเรื่องเดียวกันกับการมองให้พ้นไกลไปจากความพึงพอใจส่วนตนออกไปยังข้างนอกนั่น ข้างนอกที่มีทั้งความหลากหลาย ความต่าง ปะปนคละเคล้าร่วมกันจนไม่อาจแยก
และใช่…เราคือส่วนหนึ่ง ชีวิตที่ดีของเราจึงประกอบขึ้นจากข้างนอกที่ดีเหล่านั้นด้วย
🛒 ซื้อหนังสือออนไลน์
“How to Live A Good Life เราจะมีชีวิตที่ดีได้อย่างไร”
ผู้เขียน : นิ้วกลม (Roundfinger)
จำนวนหน้า : 320 หน้า / ราคาปก (ปกอ่อน) : 325 บาท
สำนักพิมพ์ : KOOB
หมวด : จิตวิทยา/พัฒนาตนเอง
