ทำบางสิ่ง รักบางคน ทนบางอย่าง แล้วชีวิตจะมีความหมายในตัวมันเอง
( –จากหนังสือหน้า 157 )
✒️ เกี่ยวกับผู้เขียน
นิ้วกลม (สราวุธ เฮ้งสวัสดิ์)
จบสถาปัตยกรรมศาสตรบัณฑิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
เคยมีผลงานสร้างสรรค์ทั้งด้านโฆษณา คอลัมน์นิตยสาร และพิธีกรรายการโทรทัศน์
เช่น รายการพื้นที่ชีวิต วัฒนธรรมชุบแป้งทอด
เจ้าของสำนักพิมพ์ KOOB ซึ่งร่วมก่อตั้งกับภรรยา (ชิงชิง สาธิดา เฮ้งสวัสดิ์)
ปัจจุบันมีผลงานหนังสือ บล็อกงานเขียน รวมถึงรายการพอดแคสท์มากมาย
ติดตามได้ผ่านช่องทาง Facebook และ Youtube
🎯 มุมมองสรุป
: หนังสือที่กลั่นกรองประสบการณ์จากการเรียนรู้ของผู้เขียนทั้งผ่านบุคคลโดยตรงและหนังสือที่น่าสนใจ รวบรวมออกมาเป็นมุมมองวิธีวางแผนแนวทางชีวิตโดยแบ่งออกเป็น 3 ส่วนหลักในการวางโครงร่าง ได้แก่ การทำความเข้าใจชีวิต การทำความเข้าใจตนเอง และการทำความเข้าใจกระบวนการ
: การทำความเข้าใจชีวิตช่วยให้เรามองเห็นภาพกว้างและความหมายของสิ่งรายล้อม การทำความเข้าใจตนเองช่วยกระตุ้นให้เราสื่อสารถึงความต้องการของตนที่บางครั้งเราไม่เคยตั้งคำถามมาก่อน ในขณะที่การทำความเข้าใจกระบวนการคือเครื่องมือที่ช่วยกรุยทางเดินให้ชีวิต
: ตลอดทางของหนังสือชวนให้ผู้อ่านถามตอบกับตัวเองอยู่เป็นระยะ มีการจับประเด็นสำคัญไว้ในช่วงท้ายแต่ละบทเพื่อช่วยให้ทำความเข้าใจได้ดียิ่งขึ้น
: เป็นหนังสือที่ถ่ายทอดออกมาได้อย่างน่าติดตามด้วยวิธีการเล่าเรื่องที่ร้อยเรียงต่อเนื่องในทุกหัวข้อ ซึ่งจุดเด่นของนิ้วกลมอย่างหนึ่งที่เราชอบคือการออกเดินทางไปพร้อมกับผู้รับสารของเขา (อันนี้เราสังเกตจากทั้งรูปแบบงานเขียนและการจัดรายการ Have a Nice Day!) หรือเรียกว่าไม่ปล่อยให้หลงไปกับรายละเอียด มีการรื้อทวน สรุปประเด็นรายทาง สร้างความรู้สึกถึงการใส่ใจจากผู้เล่าได้อย่างดี
: การออกแบบชีวิตที่ตนเองอยากเป็นคือการปิดโหมด Auto Pilot ของการดำเนินชีวิต แล้วรับผิดชอบมันด้วยการลงมือทำอะไรสักอย่าง เพราะในความเป็นจริงมีรายละเอียดของปัจจัยแวดล้อมส่วนบุคคลอีกมากที่ทำให้เราไม่อาจเดินตามรอยใครก็ตามที่ไม่ได้อยู่ในสถานการณ์เดียวกันกับเราได้ เราจึงต้องการแผนที่ที่เป็นของเราโดยเฉพาะ สิ่งสำคัญที่เราได้เรียนรู้จากหนังสือเรื่องหนึ่งคือแง่มุมของการ ‘ตัดสินใจเลือก’ ดังที่กล่าวไว้ในเล่มว่า "ไม่มีตัวเลือกใดที่ถูกต้อง มีแต่กระบวนการเลือกที่ดีเท่านั้น" (ขอเสริมอีกนิดว่าสำหรับเราแล้วกระบวนการเลือกที่ดีอาจเป็นเรื่องเดียวกันกับกระบวนการเลือกที่เหมาะสมในช่วงเวลาหนึ่งของเราเอง)
ทุกคนน่าจะเคยมีช่วงเวลาที่รู้สึกตะขิดตะขวงใจกับบางสิ่งบางอย่าง บางผู้คน หรือบางสถานการณ์ ภาวะการชะงักงันเช่นนั้นเป็นโอกาสให้เราได้กลับมาทบทวนกับตัวเองอีกครั้งว่าเหตุใดการใช้ชีวิตแบบเก่าของเราจึงไม่ลื่นไหลเหมือนเดิม แน่นอนว่าหลายคนมีกระบวนการในแบบของตัวเองเพื่อค้นหาความผิดปกติ ในขณะที่หลายคนอาจไม่รู้วิธีที่จะทำความเข้าใจเพื่อแปรสัญญาณการติดขัดเหล่านั้นได้ หนังสือเล่มนี้ทำหน้าที่ควบรวมประสบการณ์จากการเรียนรู้ชีวิต เรียนรู้ผู้คน รวมถึงการตกผลึกหนังสือบางเล่มผ่านแง่มุมของผู้เขียน ถ่ายทอดเป็นแบบแปลนที่จะช่วยให้ผู้อ่านร่างชีวิตด้วยตัวเองจากการรู้จักตัวเองอย่างจริงแท้
เพราะเราไม่อาจใช้ชีวิตด้วยการตามรอยของใครคนใดคนหนึ่งทั้งหมดได้ เราแต่ละคนมีความธรรมดาที่พิเศษต่างกันเสมอ…
เพราะตัวตนของมนุษย์ ผุดขึ้นจากความหวาดกลัวทั้งสิ้น
ด่านแรกที่หนังสือชวนทำความเข้าใจ คือภาพรวมของชีวิต ถ้าได้ลองนั่งคิดทบทวนถึงความปรารถนาของตัวเอง เราอาจค้นพบว่าสิ่งที่เราต้องการล้วนมีความกลัวขับเคลื่อนอยู่เบื้องหลังอย่างเงียบเชียบ ความกลัวที่ว่าเหล่านั้นส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการเลี้ยงดู ดังที่นักจิตวิทยาและหนังสือหลายเล่มต่างชี้ให้เห็นว่าตัวตนของเราถูกสร้างขึ้นมาจากบาดแผลในวัยเยาว์ทางใดทางหนึ่ง (เช่นหนังสือ What Happened to You? โดย Bruce D. Perry, M.D.,Ph.D. และ Oprah Winfrey)
ฉะนั้น หากเราเข้าใจถึงความกลัวของตนเองที่ส่งผลให้เกิดความต้องการในรูปแบบต่างๆ ก็จะช่วยให้เราค้นพบที่ทางอันเหมาะสมและรู้สึกสบายใจที่จะใช้ชีวิต ประเด็นหลักของการตระหนักถึงสิ่งที่หวาดกลัวคือทำให้เราจริงแท้กับตัวเองมากขึ้น และคงมีแต่การซื่อตรงกับความเป็นตัวเองเท่านั้นที่จะทำให้มีความสุขได้ มันเปล่าประโยชน์ที่เราจะออกเดินทางตามแผนที่มุ่งสู่ทิศเหนือเมื่อจริงๆ แล้วสิ่งที่เราต้องการอยู่ทางทิศใต้ เพราะต่อให้ไปถึงเราก็คงไม่พบอะไรที่เราอยากได้ที่นั่น
สะสมการตัดสินใจที่ผ่านเข้ามาในชีวิต
บิล เบอร์เนตต์ และ เดฟ อีวานส์ เจ้าของผลงานหนังสือ Designing Your Life ได้เสนอแนะแนวคิดเกี่ยวกับทางเลือกของมนุษย์เราไว้อย่างน่าสนใจว่า สิ่งที่จะตัดสินว่าใครมีความสุขหรือไม่กับทางเลือกอาจไม่ได้ขึ้นอยู่กับการเลือกถูก แต่อยู่ที่เลือกอย่างไรและใช้ชีวิตกับผลลัพธ์นั้นของตนอย่างไร ด้วยมุมมองนี้จะทำให้เราสามารถโฟกัสไปที่กระบวนการเลือกที่ดีมากกว่า โดยเริ่มต้นจากการคัดกรองทางเลือกทั้งหมดที่เรามีให้เหลือเพียงประมาณ 5 ตัวเลือก และเมื่อทุกตัวเลือกล้วนใกล้เคียงกันจนตัดสินด้วยเหตุผลไม่ได้ ก็ให้ใช้หัวใจนำทาง ซึ่งนี่อาจเป็นที่มาของคำว่า “ตัดสิน-ใจ”
เมื่อตัดสินใจเลือกได้แล้ว เคล็ดลับข้อสุดท้ายคือการอยู่กับสิ่งที่เลือกให้ดีที่สุด ทุ่มเทลงแรงไปกับมันอย่างเต็มกำลัง และปล่อยวางทางที่ไม่ได้เลือก ตอนนี้เองที่เรากำลังเก็บหอมรอมริบการตัดสินใจทีละส่วนเสี้ยวเข้าด้วยกัน และมันจะกลายเป็นบางสิ่งบางอย่างในวันข้างหน้า
เรดาร์การรับรู้ที่ชัดเจนจะช่วยเกลาตัวเองให้เฉียบคมยิ่งขึ้น
เราชอบคำอธิบายของชิกเซนต์มิฮายีจากในหนังสือที่ว่า เหตุการณ์ทั้งหลายในชีวิตของเรานั้นเป็นเพียงข้อมูล ไม่มีคุณค่าความเป็นบวกและลบ หากแต่ตัวตนเราต่างหากที่ตีความข้อมูลเหล่านั้น สิ่งสำคัญจึงไม่ใช่เหตุการณ์ แต่เป็นการรับรู้ ผู้ที่มองเห็นภาพของเป้าหมายใหญ่จึงเข้าใจว่าควรต้องหันเรดาร์ไปทางใด เพราะการรับรู้ที่สอดคล้องกับตัวตนข้างในจะทำให้เราเข้าถึงประสบการณ์อันน่าพึงพอใจของชีวิต หรือที่ชิกเซนต์มิฮายีเรียกมันว่า ‘สภาวะ Flow’ ซึ่งถ้าหากเข้าสู่สภาวะนั้นอยู่เป็นประจำ ความเป็นตัวตนของเราก็จะยิ่งแจ่มชัดและทรงประสิทธิภาพ
ในทางกลับกัน หากสิ่งที่เรากำลังเผชิญทำให้รู้สึกติดขัดอย่างอธิบายไม่ได้ เป็นไปได้ไหมว่ามันมีวิถีชีวิตอะไรที่ขัดแย้งกับสิ่งที่เรายึดมั่น มันอาจมีความเชื่อบางอย่างที่เราไม่ทันได้สังเกตว่ามันเปลี่ยนไปแล้ว ตามประสบการณ์หรือวันวัยที่เราเติบโตขึ้น เราจึงต้องไม่ลืมตรวจสอบตัวเองอย่างสม่ำเสมอด้วยการตั้งคำถามถึงตัวชี้วัดในแต่ละช่วงวัยของชีวิต ดังที่ผู้เขียนได้ยกแนวทางของศาสตราจารย์เคลย์ตัน เอ็ม. คริสเตนเซน (เจ้าของหนังสือ How Will You Measure Your Life?) ในการทำความเข้าใจตัวเอง นั่นคือสังเกตว่าคุณจัดสรรทรัพยากรในชีวิตตนเองไปกับอะไร เพราะมันเป็นไปได้ว่านั่นคือเรื่องที่คุณกำลังให้ความสำคัญ
เหนื่อยแบบตอบตัวเองได้
คำนี้เป็นหนึ่งในหลายถ้อยคำที่กระแทกใจเราอย่างจัง บ่อยครั้งที่ชีวิตการทำงานก็โยนความยุ่งยากบางอย่างเข้ามาให้ การจะก้าวข้ามผ่านอาจต้องอาศัยบางอย่างที่ยิ่งใหญ่กว่าการทำไปตามหน้าที่ มันคือสิ่งที่เราเรียกว่า ‘ปณิธาน’ เป็นวิสัยทัศน์มุมกว้างที่จะทำให้การเผชิญหน้ากับอุปสรรคทั้งหลายกลายเป็นเรื่องที่เราจะทุ่มเทสุดกำลัง ทำให้รู้สึกถึงการทำงานที่เต็มไปด้วยความหมาย ต่อให้เหนื่อยก็รู้ว่าจะเหนื่อยไปเพื่ออะไร ซึ่งเราคิดว่าการลองตอบตัวเองด้วยคำถามนี้ให้ได้อาจเป็นอีกหนทางที่จะทำให้เลิกท้อและก้าวเดินต่อไปข้างหน้า
หนังสือที่กล่าวถึงการร่างได้อย่างเด่นชัด
ไม่แน่ใจว่าจะมีใครเป็นเหมือนกันไหม เรามักรู้สึกกระฉับกระเฉงเมื่อมองเห็นความเป็นไปได้ปรากฏตัวขึ้น หนังสือเล่มนี้ทำให้เรารู้สึกแบบนั้น สำหรับใครที่กำลังมองหาหนังสือที่จะช่วยเรื่องแนวทางการออกแบบชีวิตอยากเชิญชวนให้ลองหยิบเล่มนี้อ่านดูสักรอบ เพราะไม่เพียงแต่มันจะผ่านการตกผลึก กลั่นกรอง และทดลองทำจากประสบการณ์ของผู้เขียน แต่วิธีเล่าเรื่องยังเต็มไปด้วยการร้อยเรียงและขมวดประเด็นสำคัญที่เราอาจไม่ทันฉุกคิดเอาไว้จำนวนมาก (ยอมรับก่อนว่าหนังสือที่ผู้เขียนหยิบยกมาผ่านตาเรามาแล้วหลายเล่ม แต่ประเด็นที่ยกมาเล่าคือน่าสนใจจนอยากกลับไปอ่านใหม่)
เราอาจเคยตื่นเต้นกับเส้นทางเดินของชีวิต ก่อนที่จะหมดแรงคิดเมื่อมันไม่เป็นดังที่คาดไว้ กระทั่งเหนื่อยหน่ายและปล่อยให้กาลเวลาพรากโอกาสการลงมือทำของเราซ้ำแล้วซ้ำเล่า นานวันเข้าชีวิตที่เคยชัดเจนก็เริ่มซีดจาง แล้วมันก็ยิ่งทำให้หนทางตีบตันไปใหญ่ แต่การได้อ่านหนังสือเล่มนี้ทำให้เรารู้สึก ‘อยากลอง’ … เราอยากลองร่างชีวิตขึ้นมาดูอีกครั้ง ค้นพบตัวตนที่เลือนรางของตัวเองดูอีกหน มันคงจริงดังที่ วิกเตอร์ อี. ฟรังเคิล กล่าวไว้ ว่าการมีชีวิตทั้งหมดทั้งปวงมิใช่อะไรเลยนอกจากการโต้ตอบอย่างมีความรับผิดชอบ
เพราะถ้าหากมันไม่เป็นดังที่คาดไว้ … เราแค่
“พลาดก็แก้ – แพ้ก็เอาใหม่ – ล้มไปก็ลุก” … ( – นิ้วกลม, จากหนังสือหน้า 51 )
🛒 ซื้อหนังสือออนไลน์
“ชีวิตที่ร่างเอง (A Map to Anywhere)”
ผู้เขียน : นิ้วกลม (Roundfinger)
จำนวนหน้า : 416 หน้า / ราคาปก : 365 บาท
สำนักพิมพ์ : KOOB
หมวด : พัฒนาตนเอง