หากมัวมองแต่ราคาและตัวเลข คุณจะคิดหนักและทำใจลำบากเมื่อถือหุ้นที่ขาดทุนและห้ามใจไม่ไหวกับหุ้นตัวทำกำไร
เมื่อใช้กลยุทธ์เลือกหุ้นที่ง่ายที่สุดในโลก เราไม่เฝ้าดูความผันผวนของราคา
เราแค่จัดการกับรายการกิจกรรมในชีวิต และปล่อยให้พอร์ตลงทุนสะท้อนภาพออกมา
( – จากหนังสือหน้า 94 )
✒️ เกี่ยวกับผู้เขียน
Edward W. Ryan จบการศึกษาด้านเศรษฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัยนิวยอร์ก มีประสบการณ์นับสิบปีจากการขายหลักทรัพย์และเทรดหลักทรัพย์แก่นักลงทุนสถาบัน เป็นที่ปรึกษาด้านการลงทุนให้กับผู้จัดการสินทรัพย์ชั้นนำของโลก และนักวิเคราะห์แถวหน้าของวอลสตรีทครอบคลุมหลากหลายภาคธุรกิจ พอร์ตลงทุนที่เขาบริหารสร้างผลตอบแทน 1,200% ในช่วงเวลา 4 ปี
🎯 มุมมองสรุป
: กลยุทธ์การเลือกหุ้นที่ง่ายที่สุดในโลกตามคำแนะนำของหนังสือคือการเลือกซื้อหุ้นในสินค้าหรือบริการที่อยู่ในชีวิตประจำวันของเรา โดยเฉพาะอย่างยิ่งสิ่งที่เราใช้มันอยู่เป็นประจำ เพราะมีแนวโน้มว่าหุ้นตัวนั้นจะเป็นตัวที่เหมาะแก่การลงทุนและยังอยู่ในการติดตามของเราตลอดด้วย : ความน่าสนใจของหนังสือคือกระบวนการคัดเลือกและจำแนกรายการสิ่งที่เรากล่าวไว้ข้างต้น ที่จะช่วยให้เราได้หุ้นตัวที่เหมาะแก่การลงทุนตามกลยุทธ์การเลือกที่ผู้เขียนนำเสนอได้มากที่สุด : นอกจากวิธีการเลือกแล้ว ภายในเล่มยังมีคำแนะนำจังหวะการเข้าลงทุนในตลาด และกรณีศึกษาหุ้นสหรัฐอเมริกา 5 ตัวเพื่อเป็นบทเรียนแก่ผู้อ่านไว้ในช่วงท้าย : เนื้อหาในหนังสือ แบ่งออกเป็น 5 ส่วนใหญ่ ๆ ซึ่งได้แก่ ส่วนที่ 1 ขั้นตอนการเลือกหุ้น – สร้างรายการกิจกรรมในชีวิต / จัดอันดับกิจกรรมในชีวิต / จัดอันดับหุ้นจากกิจกรรมในชีวิต / ลงทุนหุ้นจากกิจกรรมในชีวิตของคุณ / บริหารพอร์ตหุ้นจากกิจกรรมในชีวิตของคุณ ส่วนที่ 2 ข้อเสนอแนะ – เข้าซื้อตอนตลาดปรับตัว / ป้องกันความเสี่ยงด้วยกองทุนรวมดัชนี (ETF) / สร้างความหลากหลายให้สินทรัพย์ลงทุน ส่วนที่ 3 หลักการสำคัญ – หลักการลงทุนที่ดี 8 ประการสำหรับกลยุทธ์การเลือกหุ้น ส่วนที่ 4 กรณีศึกษา – หุ้น 5 ตัว ได้แก่ Google (GOOGL), Zillow (ZG), Tesla (TSLA), Under Armour (UAA) และ Etsy (ETSY) ส่วนที่ 5 ศัพท์หุ้น : หนังสือมีวิธีการนำเสนอด้วยกระบวนการที่ช่วยให้เราเข้าใจง่ายอย่างเป็นขั้นเป็นตอน เป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อนักลงทุนที่เริ่มศึกษาหรือกำลังมองหาวิธีการที่เหมาะสมกับตนเอง ทว่าข้อสังเกตที่ไม่ควรมองข้ามสำหรับเราคือเรื่องความแตกต่างระหว่างดัชนีไทยกับต่างประเทศทั้งในเรื่องมูลค่า สภาพตลาด และอุตสาหกรรมการเติบโต ทั้งนี้ ใจความสำคัญที่ได้ก็คือประเด็นของการเลือกลงทุนในสิ่งที่เราเข้าใจมากที่สุด
ปล่อยให้เรื่องยาก ๆ เป็นหน้าที่ของนักวิเคราะห์
‘จงรู้เหตุผลที่ทำให้คุณเลือกลงทุนในหุ้นตัวนั้น’ นี่เป็นหลักการสำคัญข้อหนึ่งที่ผู้เขียนได้แนะนำไว้ในการลงทุนหุ้น แน่นอนว่าทุกวันนี้ในตลาดทุนย่อมมีทั้งนักลงทุนและนักเล่นหุ้นอย่างหลากหลาย ขึ้นอยู่กับว่าแต่ละคนมีเป้าหมายอย่างไร แต่สำหรับกลยุทธ์ที่ผู้เขียนได้แนะนำเอาไว้ นั่นคือให้คุณเลือกลงทุนจากหุ้นที่อยู่ในกิจกรรมของชีวิต เพราะมันหมายถึงว่าคุณไว้วางใจเลือกใช้ด้วยเพราะเห็นข้อดีมากกว่าข้อเสีย คุณเข้าใจว่ามันให้ประโยชน์ต่อคุณอย่างไรบ้าง ซึ่งเทคนิคนี้ในทางหนึ่งนั้นเหมาะกับผู้เริ่มต้นที่ไม่ใช่นักลงทุนมืออาชีพ เพราะการวิเคราะห์ข้อมูลตัวเลขมหาศาลจะกลายเป็นข้อที่คุณเสียเปรียบบรรดานักวิเคราะห์และนักบริหารการเงินทั้งหลาย ทางเลือกของการทดลองเริ่มต้นใช้กลยุทธ์นี้นับเป็นการงัดจุดแข็งของคุณที่รู้จักสินค้าหรือบริการนั้น ๆ เป็นอย่างดี
เรียงลำดับความถี่ แล้วเลือกลงทุนหุ้นบริษัทที่คุณใช้บ่อย ๆ
สิ่งแรกที่คุณต้องทำคือการทบทวนกิจกรรมในชีวิตทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นข้าวของที่มีติดบ้าน เครือข่ายโทรศัพท์มือถือที่คุณใช้ ร้านอาหารที่คุณไป ของกินของใช้ที่ซื้ออยู่เป็นประจำ แล้วแบ่งกลุ่มโดยดูจากความถี่ที่ใช้งาน ว่าสิ่งใดเป็นสินค้าหรือบริการที่คุณใช้บ่อยและยังไม่คิดหาอย่างอื่นมาทดแทน หรือบางรายการเป็นสิ่งที่ใช้บ่อย ๆ แต่ถ้าไม่มีก็ไม่เป็นไร หรือสิ่งไหนที่คุณคิดว่าไม่ได้จำเป็นต่อชีวิตเท่าไรนัก จากนั้นแบ่งสัดส่วนการลงทุนในหุ้นของสินค้าหรือบริการประเภทแรก 85% และประเภทที่สอง 15%
รู้จังหวะซื้อ เข้าใจจังหวะขาย อย่าลืมกระจายความเสี่ยง
สิ่งที่ยากที่สุดยิ่งกว่าการเลือกหุ้น คือการตัดสินใจว่าคุณควรจะซื้อหรือขายตอนไหนดี ซึ่งส่วนหนึ่งอาจขึ้นอยู่กับความสามารถในการยอมรับความเสี่ยงตามแต่เฉพาะบุคคลด้วย ผู้เขียนได้แนะนำจังหวะการเข้าซื้อหุ้นที่เราเลือกจากกิจกรรมในชีวิตด้วยการลงทุนแค่ครึ่งหนึ่งก่อนโดยไม่สนใจสภาวะตลาด ส่วนอีกครึ่งหนึ่งนั้นให้รอจังหวะสัญญาณเชิงเทคนิคที่ผู้เขียนมีการอธิบายวิธีใช้งานไว้อย่างคร่าว ๆ ภายในเล่ม นั่นคือ Stochastics oscillator ซึ่งเป็นตัวชี้วัดเชิงเทคนิค (Indicator) สำหรับการดูแรงซื้อแรงขายของดัชนี
แม้กลยุทธ์ที่แนะนำในหนังสือจะเหมาะแก่การลงทุนระยะยาว แต่คุณก็จำเป็นที่จะต้องรู้ว่าเมื่อไรควรขาย เพราะสินค้าและบริการต่าง ๆ ย่อมมีวงจรชีวิตของมัน โดยผู้เขียนได้แนะนำอย่างง่าย ๆ ในการดูจังหวะขายของหุ้นตัวที่คุณเลือกจากกิจกรรมในชีวิตไว้ว่า หากคุณลดความสำคัญของมันจากประเภทแรกลงไปอยู่ในประเภทที่สอง ให้คุณขายออกครึ่งหนึ่งโดยไม่ต้องสนราคาตลาด แต่หากมันถูกลดลงไปอยู่ในประเภทที่สามซึ่งจัดว่าไม่มีก็ไม่เป็นไรแล้วล่ะก็ ให้คุณขายทิ้งจากพอร์ตไปทั้งหมดทันที
และแน่นอนว่าสิ่งที่ขาดไม่ได้นั่นคือการกระจายความเสี่ยง ตามกลยุทธ์การเลือกหุ้นที่ง่ายที่สุดในโลก ผู้เขียนได้แนะนำให้คุณลงทุนในอัตราส่วน 1:1 ระหว่างหุ้นที่ลงทุนกับกองทุนรวมที่เคลื่อนไหวตามดัชนี
ถือหุ้นตัวทำกำไร ขายหุ้นตัวขาดทุน
เราเป็นนักลงทุนมือใหม่คนหนึ่งที่ยังอยู่ระหว่างการศึกษาข้อมูลทั้งทางด้านกราฟเทคนิคและการอ่านงบการเงิน การได้มาอ่านหนังสือเล่มนี้จึงนับเป็นการเปิดมุมมองที่ดีในแง่ของการเลือกซื้อหุ้นอีกวิธีหนึ่งที่ถ่ายทอดโดยผู้มีประสบการณ์ด้านหลักทรัพย์นับสิบปี นอกจากนี้ยังสอดแทรกด้วยเกร็ดความรู้และข้อเสนอแนะที่น่าสนใจอีกจำนวนมาก หลักการสำคัญอีกข้อหนึ่งจากกลยุทธ์เลือกหุ้นที่ง่ายที่สุดในโลกที่เราชอบ นั่นคือ ‘การถือหุ้นทำกำไร ขายหุ้นตัวขาดทุน’ โดยผู้เขียนไม่ได้เลือกตัดสินกำไรหรือขาดทุนจากความเคลื่อนไหวของราคาตลาด แต่เน้นดูจากกิจกรรมในชีวิตที่ได้รับการจัดลำดับและปรับเปลี่ยนมันทุก ๆ สามเดือน หากสินค้าหรือบริการนั้นยังถูกจัดอยู่ในประเภทแรกก็ให้ถือหุ้นตัวนั้นต่อไปไม่ว่าราคามันจะไต่ไปถึงไหน แต่หากมุมมองที่มีต่อสินค้าหรือบริการของบริษัทนั้น ๆ แย่ลง ก็ให้เลิกถือครองแม้จะต้องขายในราคาขาดทุนก็ตาม
ในฐานะนักลงทุน ความเสี่ยงจากการลงทุนเป็นสิ่งที่พวกเราต้องรับผิดชอบด้วยตัวเอง ดังนั้นการเลือกกลยุทธ์ที่เหมาะสมกับแนวทางของตนเองที่สุดจึงเป็นสิ่งที่เราควรตัดสินใจด้วยตัวเองเช่นกัน แนวคิดหนึ่งเกี่ยวกับการลงทุนที่เราชอบนั่นคือเรื่องของการยืนระยะ
เพราะการลงทุนที่จะพาคุณพบกับโอกาสและจังหวะ จะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อคุณอยู่ในทุกช่วงเวลาของตลาดเท่านั้น
🛒 ซื้อหนังสือออนไลน์
“กลยุทธ์เลือกหุ้นที่ง่ายที่สุดในโลก (The World’s Simplest Stock Picking Strategy)”
ผู้เขียน : Edward W. Ryan
(สมสกุล เผ่าจินดามุข แปล)
จำนวนหน้า : 200 หน้า / ราคาปก : 250 บาท
สำนักพิมพ์ : เนชั่นบุ๊คส์
หมวด : ธุรกิจ/การลงทุน