“… มีความเป็นไปได้เท่าไหร่ที่จะสื่อสารความหมายของคำว่า ‘ซ้าย’ และ ‘ขวา’ ให้สิ่งมีชีวิตจากนอกโลกเข้าใจ
ในเมื่อไม่ได้มีสิ่งที่เป็นรูปธรรมแบบเดียวกัน …”
( – จากหนังสือหน้า 113 )
✒️ ประวัติผู้เขียน Tom Shone
Tom Shone นักวิจารณ์ภาพยนตร์และนักเขียนชาวอเมริกัน เขาเคยเป็นนักวิจารณ์ประจำหนังสือพิมพ์ The Sunday Times และยังเขียนบทความลงนิตยสารชื่อดังมากมาย เช่น Vogue, The New Yorker The New York Times, The Guardian เป็นต้น ผลงานหนังสือของเขาที่เกี่ยวกับผู้กำกับฮอลลีวูด มีทั้งเรื่องของ Steven Spielberg, George Lucas Martin Scorsese และ Woody Allen
🎯 มุมมองสรุป
: หากใครชอบภาพยนตร์ของคริสโตเฟอร์ โนแลน เราคิดว่าเล่มนี้ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง เพราะนอกจากหนังสือแปลที่เกี่ยวกับภาพยนตร์และผู้กำกับฮอลลีวูดของบ้านเรามีไม่ค่อยมากแล้ว การรวบรวมเนื้อหาภายในเล่มที่มาจากการสัมภาษณ์และตีความจากผู้เชี่ยวชาญการวิจารณ์หนังอย่าง ทอม โชน ช่วยเปิดมุมมองให้เราสัมผัสได้อย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้นไปอีก : การเรียบเรียงภายในเล่มจะลำดับไปตามการสร้างภาพยนตร์ แต่มีความเกี่ยวเนื่องเชื่อมโยงกันได้อย่างกลมกล่อมลงตัวมาก เรียกว่าถ้าดูหนังของโนแลนมาครบทุกเรื่องแล้วคุณจะสนุกไปกับแบ็คกราวนด์การก่อกำเนิดของภาพยนตร์ได้อย่างเพลิดเพลินเลยทีเดียว : เนื้อหาแบ่งออกเป็น 13 ส่วน อ้างอิงตามเอกลักษณ์เฉพาะของแต่ละเรื่อง ได้แก่ โครงสร้าง, การปรับตัว, กาลเวลา, สิ่งที่เห็น ได้ยิน และเข้าใจ, พื้นที่, ภาพลวง, ความวินาศ, ความฝัน, ปฏิวัติ, อารมณ์, ต้องรอด, องค์ความรู้ และ อวสาน : เป็นอีกเล่มที่เราใช้เวลาอ่านพอสมควร เพราะเมื่ออ่านการบรรยายแล้วก็อยากจะตามกลับไปเก็บรายละเอียดจากหนังของโนแลนซ้ำ บางบทจึงกลายเป็นอ่านที หยุดไปดูหนังที (^^")
เชื่อว่าจากภาพโปสเตอร์ข้างต้น คนรักหนังจะต้องเคยดูมาแล้วอย่างน้อยหนึ่งเรื่องแน่นอน ด้วยความเข้มข้นของการเล่าเรื่อง วิธีผูกเส้นเวลาหลายระดับเข้าด้วยกัน หรือการปล่อยบทสรุปของหนังให้ถูกพูดถึงและตีความกันได้ไม่จบไม่สิ้น นับเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งที่ทำให้ใครต่อใครขนานนามชายผู้นี้ว่า ‘เสด็จพ่อโนแลน’
แล้วจะมีใครสงสัยบ้างหรือไม่ว่าเขาคิดอะไร ใช้ชีวิตมาแบบไหน ถึงได้สร้างปรากฏการณ์ความซับซ้อนและถ่ายทอดออกมาให้เหล่าบรรดาคนรักหนังเสพกันได้อย่างไม่รู้เบื่อ
นั่นคือสิ่งที่คุณจะได้สัมผัสจากการเปิดอ่านหนังสือเล่มนี้
คริสโตเฟอร์ โนแลน กับความรู้สึกว่าไม่เป็นส่วนหนึ่งส่วนใดของอะไรสักอย่าง
การใช้ชีวิตในช่วงวัยเด็กซึ่งเป็นวัยแห่งการเรียนรู้และส่งอิทธิพลมาถึงไอเดียที่บ้างถูกนำมาถ่ายทอดเป็นฉาก เป็นดนตรี เป็นเรื่องราวในภาพยนตร์ของเขานั้น ส่วนหนึ่งอาจเป็นผลมาจากจินตนาการที่จำต้องถูกปลดปล่อยออกมาบ้างในยามที่ชีวิตถูกจำกัดด้วยกฎระเบียบจำนวนมาก
โนแลนได้รับการศึกษาในโรงเรียนกินนอนอันเคร่งครัดตามความตั้งใจของผู้เป็นพ่อที่อยากให้เขาได้รับการอบรมแบบที่ตนเองเคยได้รับ ความแปลกแยกอันเนื่องมาจากการเติบโตที่ต้องเดินทางไป ๆ มา ๆ ระหว่างอังกฤษและอเมริกาในช่วงมัธยมตอนปลายที่คล้ายกับชีวิตที่ต้องถูกจองจำไว้แห่งหนึ่ง สลับกับได้รับการปลดปล่อยในอีกแห่งหนึ่ง ภาพความย้อนแย้งในหัวยิ่งผลักดันให้เขาสนใจและหลงใหลในความแตกต่างโดยเฉพาะการหาจุดเชื่อมโยงวิธีเล่าเรื่องกับโครงสร้าง
จุดเริ่มต้นของความสนใจในครั้งแรก ๆ
ช่วงเวลาพิเศษของเขาที่เกี่ยวกับภาพยนตร์เกิดขึ้นครั้งแรกตอนที่พ่อและแม่ของโนแลนได้พาเขาไปเยี่ยมชมสตูดิโอไพน์วูดในปี 1976 ที่ที่เขาได้เห็นรถกระป๋องจากหนัง Bugsy Malone (1976) หนังเรื่องแรก ๆ ที่เขาเคยดูในโรงหนังเท่าที่จำความได้ ซึ่งเป็นผลงานของหนึ่งในกลุ่มคนทำหนังรุ่นใหม่ – อลัน ปาร์กเกอร์ (Alan Parker)
พ่อของเขาชอบพาครอบครัวไปดูหนังด้วยกัน จนกระทั่งเมื่อโนแลนอายุ 8 ขวบก็ได้รับของขวัญเป็นกล้อง Super 8 จากพ่อ และมันก็ช่วยเปิดโลกการทำหนังให้กับเขามานับแต่นั้น ในความทรงจำของการหัดถ่ายหนังครั้งแรกเกิดขึ้นที่ห้องชั้นใต้ดิน โดยถ่ายแบบสต็อปโมชั่น เทคนิคดั้งเดิมของการสร้างภาพเคลื่อนไหว มีหุ่นของเล่นจากภาพยนตร์ Star Wars (1977) ผลงานการกำกับโดย จอร์จ ลูคัส (George Lucas) สร้างฉากหลังด้วยกล่องไข่กับม้วนกระดาษชำระ และสร้างเอฟเฟกต์ระเบิดด้วยการโปรยผงแป้ง หรือบางครั้งพวกเขาก็รอช่วงหน้าหนาวเพื่อออกไปถ่ายกันกลางหิมะ ร่วมกับเพื่อนอีก 2 คนคือสองพี่น้องเบลิค (Adrian Belic and Roko Belic) ซึ่งต่อมาพวกเขาก็เป็นคนทำหนังสารคดีที่ประสบความสำเร็จด้วยกันทั้งคู่
หลังจากนั้นเป็นต้นมา เรียกได้ว่าความชื่นชอบในการดูหนังและชมงานศิลปะ รวมถึงการสนใจศึกษาและเก็บรายละเอียดงานสร้างสรรค์ต่าง ๆ ทำให้ คริสโตเฟอร์ โนแลน นับเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของคนที่ทุ่มเทเวลาเพื่อทำงานในสิ่งที่หลงใหลอย่างแท้จริง เขาทำงานคล้ายการเสพศิลปะเข้าไปในร่างกาย แล้วปล่อยให้มันเติบโตภายใน ก่อนจะบ่มเพาะออกมาเป็นงานศิลป์ชิ้นใหม่ที่มีลายเซ็นของตัวเองทิ้งไว้แทนการโฆษณา
Insomnia (2002) ภาพยนตร์ที่พาก้าวสู่ระดับที่สูงขึ้นของคริสโตเฟอร์ โนแลน
ภาพยนตร์รีเมกจากหนังทริลเลอร์สัญชาตินอร์เวย์ของ เอริก สโคลด์แบร์ก (Erik Skjoldbjærg) ได้กลายมาเป็นภาพยนตร์ลำดับที่สามของโนแลนและนับเป็นความก้าวหน้าของการทำหนังขึ้นอีกระดับของเขาด้วยการทำหนังในสเกลที่ใหญ่ขึ้นหลังความสำเร็จของ Memento เพราะเป็นหนังที่ต้องออกกองถ่ายขนาดใหญ่และทำงานร่วมกับดาราเจ้าของรางวัลออสการ์อย่าง อัล ปาชิโน (Al Pacino) , โรบิน วิลเลียมส์ (Robin Williams) และฮิลารี แสวงก์ (Hilary Swank) อีกทั้งยังเป็นหนังที่ได้รับทุนสร้างจากสตูดิโอวอร์เนอร์บราเธอร์สด้วย
เรื่องราวของนายตำรวจที่ออกเดินทางมาทำคดีฆาตกรรมเด็กสาวในพื้นที่ที่สว่างตลอดเวลา ดวงอาทิตย์ของที่นี่ไม่เคยหลับใหลคล้ายกับตัวเขาที่ไม่อาจหลับได้เมื่อมีความรู้สึกผิดติดค้างในใจยิ่งเสียกว่าตัวฆาตกรที่ตนออกตามล่า การรื้อเขียนสคริปต์ใหม่ที่สร้างความสัมพันธ์ระหว่างวิลล์ ดอร์เมอร์ (รับบทโดย อัล ปาชิโน) ให้ทำงานมากขึ้นกับคนดู ผสมผสานไปกับความนิ่งงันไม่ทุกข์ร้อนของวอลเตอร์ ฟินช์ (รับบทโดยโรบิน วิลเลียมส์) มันผลักคนดูอย่างเราให้รู้สึกก้ำกึ่งถึงความผิดชอบชั่วดีที่สะท้อนไปมาอยู่ภายในหนัง จวบจนกระทั่งหนังจบ เราก็พบว่าตัวเองยังคงครุ่นคิดถึงมันต่อไปอีกสักระยะ
สำหรับเราแล้วหนังของโนแลนไม่เคยจบจริง มันทิ้งร่องรอยอะไรบางอย่างไว้เสมอ บางครั้งเป็นบทสนทนาที่ตรึงเราไว้กับฉากหรือตัวละคร แต่บางครั้งก็เป็นตัวเราเองที่ต้องการล้วงซ้ำชำแหละความคิดในหัวว่าจะหาข้อสรุปกับเรื่องที่เพิ่งดูไปได้อย่างไร ทั้งที่มันไม่จำเป็นต้องทำแบบนั้น
เสน่ห์แห่งความลับของโนแลน
ความดึงดูดของหนังสือเล่มนี้สำหรับผู้ที่ชื่นชอบผลงานภายใต้การกำกับของ คริสโตเฟอร์ โนแลน คุณจะได้สัมผัสแนวคิดที่มาและบางครั้งก็เป็นความซับซ้อนจากภาพยนตร์แต่ละเรื่อง ความมุ่งมั่นในงานสร้างกับการเลือกโลเกชั่นที่มักควานหาจากสิ่งที่มีอยู่จริง การกล่าวถึงภาพยนตร์ที่น่าสนใจอีกนับไม่ถ้วนที่เป็นแรงบันดาลใจให้กับเขาในการสร้างหนัง การทวนซ้ำในใจความเนื้อหาเรื่องราวที่โดดเด่นของภาพยนตร์โนแลนผ่านมุมมองมากประสบการณ์โดยนักวิจารณ์หนังผู้เป็นคนสัมภาษณ์ รวมไปถึงส่วนประกอบงานศิลป์ทั้งภาพและเสียงที่นำมาหลอมรวมไว้อย่างกลมกลืนกับคู่หูนักแต่งดนตรีประกอบ – ฮานส์ ซิมเมอร์ (Hans Zimmer) โดยเฉพาะเรื่องการสร้างเพลงประกอบหนังของโนแลน เขาแทบไม่เล่าให้ซิมเมอร์ฟังว่ากำลังสร้างหนังเกี่ยวกับอะไร บางครั้งก็บอกเพียงรายละเอียดยิบย่อยเล็กน้อยคร่าว ๆ ผลงานของเขาล้วนเป็นผลรวมของชิ้นงานสร้างสรรค์อย่างเป็นปัจเจก เขาแทบไม่กีดกั้นหรือจำกัดเพลงประกอบที่มีส่วนสร้างอารมณ์ร่วมกับผู้ชม และหากมีนักแสดงที่อยากเพิ่มเสริมส่วนไหนเขาก็พร้อมทดลองมันไปด้วย
“…การกำกับนั้นเป็นงานที่จะต้องรู้ทุกอย่าง อย่างละนิดละหน่อย …ผมเป็นแฟนที่คลั่งไคล้คนทำหนังอื่น ๆ และเป็นผู้ศรัทธาในงานกำกับอย่างยิ่งยวด แต่มันเหมือนการเป็นวาทยกร ไม่ใช่ศิลปินเดี่ยว” เขาอธิบายการทำงานของตนเองเอาไว้แบบนั้น
แน่นอนว่าหากคุณรักภาพยนตร์ของ คริสโตเฟอร์ โนแลน นี่ไม่ใช่หนังสือที่ทำให้คุณอิ่มเอมไปกับงานสร้างสรรค์ของสนามการเล่นสนุกกับความคิด ความทรงจำ และการไหลย้อนทับซ้อนกลับไปกลับมาของเส้นเวลาผ่านภาพเคลื่อนไหวภายใต้การกำกับของเขาเพียงเท่านั้น แต่มันยังช่วยเติมเต็มคุณได้อย่างลึกซึ้งถึงบรรดาภาพยนตร์ที่คุณหลงรัก และอาจจะยิ่งรักมันมากขึ้นไปอีก
ใครสักคนเคยบอกเราไว้ว่าการชมภาพยนตร์เป็นความบันเทิงประเภทที่คุณจะไม่ได้รับสิ่งจับต้องได้ใด ๆ เลยสักชิ้น ฉะนั้นมันจึงง่ายมากที่คุณจะเผลอลืมเลือนหรือโยนทิ้งหลังดื่มด่ำกับมันในช่วงระยะเวลาหนึ่ง
แต่เราไม่คิดว่ามันจะเกิดขึ้นกับหนังของเขา – คริสโตเฟอร์ โนแลน
🛒 ซื้อหนังสือออนไลน์
“คริสโตเฟอร์ โนแลน ความลับในภาพเคลื่อนไหว (The Nolan Variations)”
ผู้เขียน : Tom Shone
(พิมพ์ชนก พุกสุข และ ชาญชนะ หอมทรัพย์ แปล)
จำนวนหน้า : 488 หน้า / ราคาปก : 599 บาท
สำนักพิมพ์ : Be(ing)
หมวด : อัตชีวประวัติ